×

ปลดล็อคปมอาหารสัตว์ แค่พักยกชั่วคราว รอเวลาปะทะใหม่

รัฐไฟเขียวปลดล็อคอาหารสัตว์แค่แก้ปัญหาระยะสั้น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ฟันธง ราคาอาหารสัตว์ไม่ลง สะท้อนความท้าทายไทยสู่การเป็น”ครัวโลก” ในที่สุดคณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์(นบขพ.) และคณะกรรมการนโยบายอาหาร ที่มีนายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เป็นประธาน ก็เคาะแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นปัญหายืดเยื้อมาหลายเดือน   โดยเห็นชอบ 3 แนวทางคือ  1.ยกเว้นเงื่อนไขที่กำหนดไว้เดิม ในการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วนเป็นการชั่วคราวก่อน  ระหว่างเดือนพ.ค.-31 ก.ค.65 ซึ่งเป็นการผ่อนปรนมาตรการที่กำหนดไว้เดิมในการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดในประเทศ 2.เพิ่มโควตานำเข้าข้าวโพดจากเดิมกำหนดไว้ 54,700 ตัน เป็นไม่เกิน 600,000 ตัน ภายในเดือนพ.ค.-31 ก.ค.65 จะมีผลให้ลดภาษีนำเข้าข้าวโพดจากอัตรา 20% เป็น 0% เป็นการชั่วคราวในช่วง 3 เดือนนี้ และ3.การนำเข้าช่องทางอื่นตามปกติ  ถือเป็นข้อยุติที่ 5 ฝ่ายยอมรับทั้งกระทรวงพาณิชย์ สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมการค้าพืชไร่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมชาวไร่มันสำปะหลัง สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ พร้อมทั้งยังให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ฝ่าย เพื่อติดตามประเมินการผลดำเนินการทั้งหมดและสามารถเสนอให้ทบทวนหรือปรับปรุงมาตรการต่อไปได้เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 63 ต่อเนื่องมาปี 64 […]

คนเลี้ยงหมูวอนเห็นใจราคาปรับขึ้นตามกลไกตลาด

เกษตรกรใต้ ชี้หมูออกน้อย-ข้าวโพดขาดแคลน-น้ำมันแพงซ้ำ ทำต้นทุนขยับ ย้ำคนเลี้ยงรักษาราคาตามกลไก นโยบายรัฐไม่ช่วยสถานการณ์ดีขึ้น นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยถึงสถานการณ์การผลิตสุกรในขณะนี้ว่า จากผลกระทบของความกังวลต่อภาวะโรค ASF ในสุกร ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่เคยมีมากถึง 2 แสนรายทั่วประเทศ ลดลงไปมากกว่าครึ่ง เหลือเพียง 1 แสนรายเท่านั้น ส่งผลต่อประชากรสุกรทั้งแม่พันธุ์ ลูกสุกร และสุกรขุน หายไปมากกว่า 50% ขณะเดียวกัน สภาพอากาศแปรปรวนร้อนจัดสลับฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้สุกรปรับตัวไม่ได้ เกิดความเสียหายในทุกช่วงอายุ กลายเป็นวิกฤติซ้ำเติม ส่งผลให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลงยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังมีปัจจัยเสริมที่ทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างหนัก จากการขาดแคลนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบหลักในอาหารสำหรับสัตว์ รวมทั้งราคา กากถั่วเหลืองนำเข้า รำ ข้าว ฯลฯ ที่ปรับขึ้น รวมแล้วทำให้ต้นทุนสูงส่วนนี้ขึ้นไปประมาณ 30-40% และการที่รัฐบาลลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล กลายเป็นภาระต้นทุนทั้งในภาคการเลี้ยงสัตว์และภาคขนส่ง “เกษตรกรขอความเข้าใจจากผู้บริโภค การที่ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องปรับราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม เป็นไปตามกลไกตลาดที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้ ที่ปริมาณหมูมีชีวิตออกสู่ตลาดลดลงไปมาก ประมาณ 10-20% จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซ้ำยังมีต้นทุนอื่นๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาขึ้นไปแตะ 13 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ขณะที่น้ำมันปาล์มเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบในการผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์ก็ปรับราคาขึ้นแล้ว ต้นทุนส่วนนี้จึงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และอีกต้นทุนสำคัญอย่างน้ำมันดีเซลที่ใช้เดินมอเตอร์พัดลมในฟาร์ม และในภาคขนส่งก็ปรับขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าที่สุดแล้วอาจขึ้นไปชนเพดานราคาที่ 35 บาทต่อลิตร กลายเป็นวิกฤติที่มีผลต่อต้นทุนการเลี้ยงหมูอย่างมาก อย่างไรก็ตามเกษตรกรทั่วประเทศ ยังคงให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในการร่วมดูแลค่าครองชีพประชาชนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ต่อไป และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรทุกภูมิภาค ยังคงร่วมมือกับกรมปศุสัตว์และผู้เชี่ยวชาญ ในการเดินหน้าให้ความรู้แก่เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ […]

Right Menu Icon