ปศุสัตว์ลุยตรวจสอบข้าวสาลีเลี้ยงสัตว์นำเข้าจากอินเดีย ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน (ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์) ให้สิทธิในการนำเข้าข้าวสาลีมาในราชอาณาจักร ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 กำหนดไว้ 146,894 ตัน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์
วันที่ 29 พฤษภาคม 2565 นายสัตว์แพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อให้การนำเข้า-ส่งออก การผลิต และการขายทั้งอาหารสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้คุณภาพมาตรฐาน
ตลอดจนมีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธีและโฆษณาตามความเป็นจริง สอดคล้องกับเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มีการขึ้นทะเบียน ขอใบอนุญาต และขอใบรับรองระบบประกันคุณภาพอาหารสัตว์หรือใบรับรองอื่น ๆ เกี่ยวข้อง เป็นการป้องกันอาหารสัตว์และวัตถุดิบที่ปลอมปน เสื่อมคุณภาพ ผิดมาตรฐาน หรือไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์และคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค จึงได้สั่งการให้กองควบคุมอาหารและยาสัตว์ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอาหารสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง
กองควบคุมอาหารและยาสัตว์ โดยนายสัตวแพทย์รักไทย งามภักดิ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมอาหารและยาสัตว์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการขนถ่ายข้าวสาลีเมล็ดนำเข้าจากประเทศอินเดีย ณ ซีอาร์ซีการท่าเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยมีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พร้อมทั้งกำชับผู้นำเข้าต้องปฏิบัติตามระเบียบ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะข้าวสาลีเมล็ด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ ต้องทำการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานข้าวสาลีทุกครั้งที่มีการนำเข้า โดยเป็นไปตามแผนการนำเข้าตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน (ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์) ให้สิทธิในการนำเข้าข้าวสาลีมาในราชอาณาจักร ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งกำหนดไว้ที่ 146,894 ตัน จากประเทศอินเดียและออสเตรเลีย จนถึงปัจจุบัน ได้มีการนำเข้าแล้ว 64,220.45 ตัน
ซึ่งการนำข้าวสาลีเมล็ดมาใช้เพื่อทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น ควรคำนึงถึง ชนิดสัตว์ ช่วงอายุการผลิต ปริมาณความต้องการของสัตว์ รวมถึงคุณค่าทางโภชนการหรือการย่อยได้ จึงอาจจำเป็นต้องมีการเติมสารช่วยย่อย กรดอะมิโน และเอนไซม์ในสูตรอาหารสัตว์ก่อนนำไปเลี้ยงสัตว์ด้วย
ปัจจุบันการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและวิทยาการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการเลี้ยงสัตว์เติบโตขยายมากขึ้น จึงต้องมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานอาหารสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์อย่างเข้มงวด เพื่อประโยชน์ในการควบคุมอาหารสัตว์ให้ได้คุณภาพมาตรฐานและเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-942394